คำตอบ : ไม่จริง เด็กญี่ปุ่นระดับประถม 3 ขึ้นไปยังไงก็ผ่าน (ประสบการณ์จริง)
“JLPT N1 เป็นระดับที่ยากมาก
คนญี่ปุ่นยังสอบไม่ผ่านเลย”
เป็นประโยคที่ผู้เขียนมักจะได้ยินในตอนเด็ก ๆ
ที่เริ่มสนใจในการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น
เพื่อใช้ในการเข้ามหาลัย หรือ ใช้สำหรับทำงาน
บทความนี้
เล่าถึงประสบการณ์สอบวัดระดับ JLPT N1 ของผู้เขียน
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มแรงจูงใจในการสอบวัดระดับ
- ผู้ที่หาไอเดียในการเรียนภาษาญี่ปุ่น
- ผู้ที่สนใจเรียนภาษาญี่ปุ่น
- ผู้ที่จะสอบวัดระกับภาษาญี่ปุ่น
JLPT
สำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่า JLPT คืออะไร
ขออธิบายอย่างง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
JLPT เป็นคำย่อมาจาก
Japanese-Language Proficiency Test
เป็นการสอบวัดระดับทักษะภาษาญี่ปุ่น
โดยมีการจัดสอบปีละ 2 ครั้ง
แบ่งความยากเป็น 5 ระดับ
เริ่มด้วยง่ายสุดคือ N5 และยากสุดคือ N1
เมื่อสอบผ่าน
สามารถผลสอบไปนำไปใช้ในการศึกษาต่อ
ใช้สมัครงานที่เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น ห
รือ สมัครทุนเกี่ยวกับญี่ปุ่นได้
เงื่อนไขโดยทั่วไปส่วนมาก
ในการสมัครงานเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นหรือสมัครทุนนั้น
ต้องมีผลสอบวัดระดับ N3 ขึ้นไป
เส้นทางสู่ JPLT N1
สิ่งที่ผู้เขียนมีติดตัว
เริ่มด้วยชีวประวัติโดยง่ายสุด ๆ ของผู้เขียน
ผู้เขียนเกิดที่ประเทศญี่ปุ่น
เรียนที่ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เกิดจนระดับประถมที่ 3
มีเหตุผลทางบ้าน จึงย้ายมาในประเทศไทยตอน ป.3
หลังจากนั้นเรียนภาษาไทย เรียนโรงเรียนไทย
ไม่ได้เรียนภาษาญี่ปุ่นต่อ
ผู้เขียนไม่ได้เป็นเด็กตั้งใจเรียน
เล่นเกมไปวัน ๆ การวางแผนในอนาคตนั่นหรือ
ไม่ต้องพูดถึง
แต่อย่างไรก็ตามยังคงมี
ทักษะภาษาที่เทียบเท่า เด็ก ป.3 ญี่ปุ่นติดตัวมา
ภาษาญี่ปุ่นที่ติดตัว
การมาอยู่ประเทศไทย
แน่นอนว่าโอกาสในการใช้ภาษาญี่ปุ่นจะลดน้อยลง
แต่ก็พอจะจำได้ ไม่ลืมสิ่งที่เคยเรียนหรือเคยจำมา
เพราะว่ามีสื่อบันเทิงที่เข้าถึงได้
เช่น “มังงะ เกม ซีรี่ หรือหนังญี่ปุ่น“
สื่อเหล่านี้ ถือได้เป็นสื่อการเรียนที่สำคัญสำหรับผู้เขียน
(ถึงจะเสพความบันเทิงก็ตาม)
สนใจสอบวัดระดับ JLPT
ในช่วง ม.ปลาย คนรู้จักจะไปสอบวัดระดับ
จึงถือโอกาสไปลองสอบวัดระดับด้วย
เพื่อนำไปใช้ในการสอบเข้ามหาลัย
ในตอนนั้น ผู้เขียนยังไม่แน่ใจในความยากของแต่ละระดับ
และคนรู้จักที่เรียนภาษาญี่ปุ่นหลายคนก็บอกว่า
“ระดับ N1 เป็นระดับที่ยากมาก
คนญี่ปุ่นยังสอบไม่ผ่านเลย !”
ดังนั้นผู้เขียนจึงตัดสินใจสอบ N3 เป็นครั้งแรก
JLPT N3
การเตรียมตัว : ไม่ได้เตรียมอะไรเป็นพิเศษในการสอบ
ยังคงเล่นเกม ไปวัน ๆ
ณ วันสอบ : ข้อสอบง่ายมาก (สำหรับคนญี่ปุ่น)
ผลสอบ : คะแนนเกือบเต็ม
JLPT N2
หลังเข้ามหาลัย
เข้าศึกษาต่อในเอกสาขาภาษาญี่ปุ่นและการสื่อสาร
มีโอกาสในการใช้ภาษาญี่ปุ่นในประเทศไทยมากขึ้น
สอบวัดระดับ N2 ในชั้นปี 1 กับเพื่อน ๆ
(การสอบครั้งที่ 1 ของปี 2015)
การเตรียมตัว :
อ่านหนังสือเกี่ยวกับ JLPT N2 บ้างเป็นครั้งคราว
ณ วันสอบ : ข้อสอบถือว่ายังคงง่ายอยู่
(สำหรับคนญี่ปุ่น ไม่ได้ขิงแต่อย่างใด)
ผลสอบ : คะแนน 150 กว่า (เต็ม 180)
JLPT N1
สอบในปีเดียวกันกับตอนสอบ N2
เพราะเดี๋ยวต้องนำผลไปสมัครทุนรัฐบาลญี่ปุ่น
(การสอบครั้งที่ 2 ของปี 2015)
การเตรียมตัว : ทำข้อสอบเก่า ๆ ค้นหาจาก Google
ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง เน้นศึกษาในจุดที่ตัวเองทำไม่ได้
ณ วันสอบ : เริ่มมีความซับซ้อน
แต่ไม่ยากเกินกำลัง (คิดว่าอย่างนั้น)
ผลสอบ : เกือบไม่ผ่าน ได้คะแนน 110 กว่าคะแนน
(100 คะแนนขึ้นไปถึงผ่าน)
ข้อดีที่ได้รับหลังจากที่ได้ผลสอบ N1
- เลือกหางานได้หลากหลายมากขึ้น
- มีโอกาสที่ได้ทำงานที่มีค่าจ้างมากขึ้น
- พร้อมที่จะสมัครทุนต่าง ๆ
แต่
- การผ่าน N1 ไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุดแต่เป็นการเริ่มต้น
- ภาษาญี่ปุ่นมีอะไรที่มากกว่า N1 ให้เราได้เรียนรู้
- หมั่นพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
สรุป
- คนญี่ปุ่นสอบวัดระดับ JLPT N1 ยังไงก็ผ่าน
- ทำข้อสอบเก่า
เพื่อหาจุดอ่อนของตัวเอง
เป็นสิ่งที่ดีในการเตรียมสอบ - เสพความบันเทิงเป็นภาษาต่างประเทศ
ช่วยฝึกภาษาเป็นทางอ้อมได้
โดยไม่รู้สึกว่ากำลังเรียนอยู่
สมัครสอบ JLPT ได้ที่ JLPT Online Thailand